วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ใบปิดหนังเก่าเสน่ห์วันวาน



วันนี้ระหว่างที่ทำงานอยู่ดีๆนั่งนึกไป...นึกมา...เกิดคิดขึ้นว่า ทำไมเราถึงได้มานึกชอบใบปิดหนังเก่า เสน่ห์ของใบปิดหนังเหล่านี้น่าจะอยู่ที่ สีสันที่ตัดกันอย่างเมามันมากทีเดียว ตัวอักษรที่ใช้เขียนก็ไม่เหมือนกันเลย อาจจะมีคล้ายกันบ้าง บางคนสังเกตุว่า ถ้าเรื่องไหนเป็นหนังที่บู๊ ดุเดือด ยิงกันอย่างบ้าคลั่งตามฉบับ สมัย พ.ศ.2500 ต้นๆนั่นแหละครับ ตัวอักษรก็จะเหลี่ยมๆ ยิ่งเหลี่ยมมากก็บู๊มากเลยครับ หากว่าเป็นหนังตลกๆ หรือรักๆใคร่ๆ ตัวอักษรก็จะมนๆกลมๆ สีสันก็จะน่ารักสดใส ที่สำคัญใบปิดหนังสมัยก่อนมักจะขนเอานักแสดงเกือบทั้งหมด หรือเอามาให้ได้มากที่สุด ยัดลงไปในใบปิดหนัง พร้อมภาพบรรยายเหตุการณ์อย่างคร่าวๆ เมื่อมองไปที่ใบปิดก็จะเข้าใจทันทีว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ต่างกับสมัยใหม่ที่เอามาเฉพาะดารานำเท่านั้น สีสันของใบปิดหนังก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เราต้องหันไปมอง ด้วยลายเส้นการระบายสีดิบๆ ดูแล้วมันให้ความรู้สึกตื่นเต้น สนุกคึกคักทุกครั้งที่ได้ดูมันครับ การวาดรูปดาราลงบนใบปิด ก็ท้าทายกับการคาดเดาว่ารูปนี้เป็นใคร มิตร? สมบัติ? หรือว่าใคร ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็ชวนให้เราสนุกกับการสะสม และออกเผยแพร่ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะว่าใบปิดหนังนับวัน คุณค่าทางวัฒนธรรมก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ภาพยนตร์ในอดีต มักจะสะท้อนความเป็นตัวตนของเราได้ดีที่สุด และใบปิดหนังก็มักจะเอาทุกอย่างในเนื้อเรื่องนำออกมาวาดบรรเลงสีสันบนผืนผ้า กลั่นกรองอย่างพิถีพิถันสร้างสรรค์สัดส่วนอย่างลงตัว ถ่ายทอดเนื้อหาอย่างเหมาะสมนำเสนอผ่านสื่อให้ประชาชนผู้ชมทุกคน ที่เรียกว่า “ใบปิดหนัง หรือโปสเตอร์ภาพยนตร์”

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้

ขนาด: 21.5x30.5 นิ้ว
ผู้กำกับ: คิง-สมจริง ศรีสุภาพ
วันที่เข้าฉาย: พ.ศ.2534
เรื่องย่อ: เรื่องราวของเด็กนักเรียนชั้น ม.6 กลุ่มหนึ่ง ชื่อ กลุ่มหินกลิ้ง มี หมี (แท่ง - ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) ประธานกลุ่มหินกลิ้ง เป็นนักรัก แต่อกหักตลอดเรื่อง, ก้าน (มอส - ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ผู้มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ แต่ชอบใช้ในทางที่ไม่ค่อยได้เรื่อง, บิ๊ก ประธานชมรมบาสเก็ตบอลหน้าดี แต่ตดเหม็นมาก และก๋อย ผู้มีความสามารถทางด้านภาษาไทย คือพูดติดอ่างทุกคำ พวกเขาทั้งสี่เป็นกลุ่มนักเรียนแสบซ่า สร้างปัญหาให้กับโรงเรียนทุกปี
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีรุ่นน้อง ม.5 ชื่อ แฉก (โมทย์ - ปราโมทย์ แสงศร) ที่ขอสืบทอดเจนารมย์ของกลุ่มหินกลิ้งต่อไป กลุ่มหินกลิ้งถูกสบประมาทจากกลุ่มเพื่อนผู้หญิงว่า เป็นกลุ่มบ๊วย ไม่มีอนาคต อยู่เสมอ แต่กลุ่มหินกลิ้งก็ไม่หยุดซ่า สร้างวีรกรรมมิได้หยุดหย่อน พวกเขาได้ไปมีเรื่องทะเลาะวิวิทกับนักเรียนต่างโรงเรียนเพราะไปแย่งจีบหญิงคนเดียวกัน ทำให้พวกเขาถูกทำทัณฑ์บน และพวกเขาได้ไปมีเรื่องกับเด็กนักเรียนต่างห้องที่เกเรไม่แพ้กัน ชื่อ กรด (เอ - วิทิต แลต) มีฝีมือในการชู้ตบาสที่ไม่มีใครเหมือน การมีเรื่องในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสัมพันธภาพระหว่างเพื่อน กรด ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มหินกลิ้งในเวลาต่อมา
วันหนึ่ง แฉกถูกคู่อริที่เคยมีเรื่องกันครั้งก่อนตีหัวสลบเกือบเอาชีวิตไม่รอด และกรด ต้องลาออกจากโรงเรียนไปทำงานเพราะไม่มีเงินเรียน ก้านเริ่มตระหนักถึงเรื่องความไม่แน่นอน และอนาคตของตัวเอง พวกเขากลับตัวกลับใจ เริ่มต้นเป็นคนดีของพ่อแม่ ครู อาจารย์ และเพื่อน ก่อนจบการศึกษาทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมครบรอบ 25 ปีของโรงเรียน ก่อนถึงวันงาน ก้านตั้งปณิธานกับตัวเองและเพื่อนๆ ว่า "พรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา" วันงานพวกเขาตั้งใจทำอย่างดีที่สุด และแล้วทุกกิจกรรมที่พวกเขาทำล้วนประสบความสำเร็จสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวของพวกเขาเอง ว่า ครั้งหนึ่ง พวกเขาเคยทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนที่พวกเขารักเช่นกัน หลังจากนี้พวกเขาจะต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง พวกเขามีฝันความฝันและต้องทำให้เป็นจริงให้ได้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า "พรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา"
นักแสดง:
* มอส ปฏิภาณ รับบท สงกรานต์ (ก้าน)
* ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง รับบท โอฬาร (หมี)
* ณัฐสิมา คุปตะวาทิน รับบท นิ่ม
* สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ รับบท หญิงแอ๋ว
* ศักดิ์ศิลป์ สุวรรณเกต รับบท กร๋อย
* ธีรวัฒน์ อรัญยะนาค รับบท บิ๊ก
* วิทิต แลต รับบท กรด
* ปราโมทย์ แสงศร รับบท แฉก
* สุประวัติ ปัทมสูต รับบท ผู้อำนวยการ
รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ปี พ.ศ. 2534
รางวัลพิเศษ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภทรายได้ในกรุงเทพฯ สูงสุด)
สร้างสถิติภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาตร์ในเวลานั้น คือเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ทำรายได้เกิน 25 ล้านบาท เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ มอส ปฏิภาณ และ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และยังได้แจ้งเกิดพวกเขาในวงการบันเทิง
สนใจติดต่อ คุณวิทย์ 083-964-2514 หรือ wittayas77@gmail.com

กัมพูชา

ขนาด: 21.5x30.5 นิ้ว
ผู้กำกับ: ทรนง ศรีเชื้อ
วันที่เข้าฉาย: พ.ศ.2528
เรื่องย่อ: โซ ซอม บัค เด็กชายชาวกัมพูชาที่สูญเสียพ่อแม่ไปในสงครามระหว่างคนขเมรที่ในขณะนั้นแตกออกเป็นสามฝ่าย แล้วยังถูกกระหนาบตีจากทหารเวียดนามอีกชั้นหนึ่ง หลังจากหมู่บ้านของเขาโดนทหารเวียดนามบุกและสังหารพ่อแม่ของเขาอย่างเหี้ยมโหด เขาแบกน้องคนเล็กขึ้นหลังและออกพเนจรไปอย่างไม่รู้หนด้วยหวังว่าจะได้ไปถึงชายแดนไทย ที่ที่เขาเรียกว่าสวรรค์ หากระหว่างทางเขาต้องผเชิญหน้ากับทหารเวียดนามจอมโหด ได้รู้จักกับทหารเขมรฝ่ายซอนซานที่ปลุกจิตสำนึกรักชาติกู้แผ่นดินให้กับเขา จนในที่สุดเขาต้องตัดสินใจเลือกว่าจะพาน้องข้ามไปไทย หรือยืนหยัดสู้อยู่ที่บ้านเกิด
กัมพูชา อาจไม่ได้โดดเด่นในแง่ของความเป็นหนังที่ให้แง่มุมคมคายเกี่ยวกับสงคราม หากแต่ในฐานะหนังที่บันทึกประวัติศาสตร์อินโดจีนแล้วมันกลับน่าสนใจยิ่ง เนื่องเพราะตลอดการรบพุ่งอันยาวนาน (และผลพวงจากสงครามเหล่านั้น) เราแทบไม่มีหนังที่บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้จากสายตาของคนในภูมิภาคเลย (หนังเรื่องแรกที่เรานึกถึงเมื่อนึกถึงขเมรคือ The Killing Field ของRoland Joffe ซึ่งเป็นเสียงเล่าจากผู้คนฝั่งตะวันตก ) กัมพูชาจึงกลายเป็นหนังไม่กี่เรื่องจากประเทศแถบอินโดจีนที่บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ (รวมไปถึงหนังเรื่องอื่นๆในยุคต้นของคุณทรนงที่เป็นหนังสงครามด้วยเช่นกัน)
นักแสดง: ---
กัมพูชา (รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากมหกรรมเอเชียแปซิฟิกที่ญี่ปุ่น และรางวัลตุ๊กตาทองเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
สนใจติดต่อ คุณวิทย์ 083-964-2514 หรือ wittayas77@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

บ้านผีปอบ 7

ขนาด: 21.5x30.5 นิ้ว
ผู้กำกับ:
ศรีสวัสดิ์
วันที่เข้าฉาย: 1 พฤษภาคม 2535

เรื่องย่อ: ภาคต่อของหนังผีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด หนังผีวิ่งไล่กับเทคนิคพิเศษนานาชนิด ที่คนคิดขึ้นมาต่อสู้และหนีผีปอบหยิบ ปอบเจ้าเก่าเจ้าประจำของหนังเรื่องนี้ยังคงออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับผู้ คนเช่นเดิมและครั้งนี้เดินทางไกลไปถึงเขาพระวิหารเลยทีเดียว

นักแสดง: ธงชัย ประสงค์สันติกลับมาแสดงนำอีกครั้ง
ภาคสุดท้ายของ เกียรติ กิจเจริญ

สนใจติดต่อ คุณวิทย์ 083-964-2514